24 มีนาคม 2556

ทำไมคนทำงานหนัก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ








1.ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วตัวเองต้องการอะไร
ในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าใคร ทำงานอะไร มีรายได้เท่าไหร่ หรือแม้แต่ เป็นหนี้มากเท่าไหร ผมหรือคุณก็ย่อมมีความต้องการในส่วนลึกของความรู้สึกของแต่ละคน อย่างเช่น วันนี้คุณบอกว่าเมื่อเช้าทานข้าวกับ ไข่เจียวอร่อยดีนะ ทั้งๆที่ในจัยของคุณก็รู้ว่าถ้าเป็นต้มยำกุ้งก็น่าจะอร่อยกว่า คุณอยากจะขับ BMWเพราะรู้ว่ามันดีกว่าหรูกว่ารถในบ้านเรา คุณอยากทำงานบริษัทใหญ่ๆทั้งๆที่คุณก็รู้ว่าถ้าเป็นบริษัทของคุณเองก็คงจะดีกว่า คุณบอกว่าทำงานเป็นลูกจ้างมันก็ดีอยู่แล้วทั้งๆที่คุณก็รู้ว่า ท้ายที่สุดแล็วลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ในการต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ตำแหน่ง หรือแม้กระทั่งการที่เขาจะเชิญคุณออกจากงานที่ผมกล่าวมานี้ มันเป็นความริงที่ทุกคนก็ทราบกันดี "ไม่ได้กล่าวหาหรือลบลู่อาชีพไดนะครับ"แต่ทุกคนไม่เข้าใจว่ามันใช่หรอ เราต้องการมันจริงหรอ หากคุณลองทบทวนจากส่วนลึกของตัวคุณเองแล้วไม่นานคุณจะพบว่า ท้ายที่สุดแล้วมันคืออะไรผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าหลายคนจะตอบว่า ต้องการมีเงินมากมาย สุขภาพร่างกายแข็งแรงมีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวที่เรารักสามอย่างนี้แน่นอนที่คุณหรือผมก็ต้องการมัน



2.ไม่กล้าฝันและตั้งเป้าหมายกับสิ่งที่ต้องการ
 การที่คุณหรือผมจะทำอะไรสักอย่างที่ต้องการแล้วหากจะขาดเป้าหมายแล้วละก็ ยากกับความต้องการที่วาดฝันไว้ หากคุณลองใช้เหตุผมบวกกับความฝันที่คุณมี ตั้งโจทย์กับตังเองบ่อยๆถามตัวเอง อย่างเช่น คุณจะทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เพื่อใคร หรือจะไม่ทำสิ่งนั้นเพราะอะไร ลองทำอย่างสม่ำเสมอแล้วคุณจะได้คำตอบของตัวคุณเอง ซึ่งคุณอาจจะบอกว่ามันไม่ใช่แบบที่เป็นตอนนี้หรือคุณอาจจะบอกว่านี่แหละสิ่งที่คุณต้องการ หรือคุณอาจจะบอกว่าแบบที่เป็นตอนนี้ก็ไม่ใช่แต่สิ่งที่ฝันไว้คงจะอยากไปใหญ่ คำตอบเหล่านี้มันไม่ผิดหรอกครับ แต่มันจะส่งผลต่อการตั้งเป้าหมายในชีวิตของคุณเองต่างหาก แน่นอนหากคุณมองในมุมที่แตกต่าง ชีวิตเปลี่ยนแน่นอนแต่จะไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงนั้น มันก็แล้วแต่คำตอบที่คุณให้กับตัวเอง ถ้าหากคุณตอบตังเองในเชิงบวกด้วยสติและเหตุผลที่คุณเอามาประกอบอย่างเชื่อมั่น ผมเชื่อว่าคุณจะเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นแน่นอนแต่ถ้าคุณก็ยังคิดเหมือนเดิมมองโลกแบบเดิมๆ ทำสิ่งเดิม ชีวิตคุณก็ไม่ได้เสียหายอะไรไม่เปลี่ยนไปไหนเพียงแต่คุณก็จะเหมือนเดิม มีความฝันแต่ไม่กล้าตั้งเป้าหมายสู่ฝัน มันจะมีความหมายอะไร



3.เลือกเครื่องมือที่จะพาสู่ทางสำเร็จไม่ถูกต้อง
จากข้อหนึ่งและข้อสอง ข้อนี้เป็นข้อสำคัญมากเมื่อผมหรือคุณมีเป้าหมายแล้ว ทราบความต้องการของตัวเองแล้ว แต่เลือกเครื่องมือหรือเลือกวิธีการที่ไม่สามรถตอบสนองความต้องการที่คุณฝันไว้ได้ ดังเช่น สุภาษิตที่ว่า "ขี่ช้าจับตั๊กแตน" ซึ่งมันก็มีทางที่จะสำเร็จได้แต่มันน้อยมาก และมันอาจไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไป ไม่คุ้มกับเวลา ไม่คุ้มกับการลงทุน ซึ่งความรู้เหล่านี้คุณต้องศึกษาและทำความเข้าใจ รับฟัง อ่าน หรือวิธีไดก็แล้วแต่ที่คุณคิดว่า มันเป็นวิธีหรือเครื่องมือที่จะพาคุณสู่ความสำเร็จได้ ขอบอกเลยนะครับว่า การเลือกเครื่องมือที่ว่านี้สำคํญมาก เราต้องมีความรู้มากพอและเหตุผมที่สอดคล้องตามด้วย เพราะหากเลือกผิดชีวิตคุณอาจจะจมดิ่งลงอย่างที่คุณไม่ได้ตั้งตัวถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นแลัวละก็ ยากกับการมาเริ่มต้นใหม่ ดังนั้นต้องเลือกอย่างมีสติและเหตุผล



4.ไม่กล้าที่จะลงมือทำในสิ่งที่ใจต้องการ
  ข้อสุดท้าย การขาดความมั่นใจในการที่จะลงมือทำ อาจเป็นเพราะคุณคิดว่าเครื่องมือที่คุณเลือกกับวิธีการบางอย่างที่มันขัดกับความรู้สึกของคุณ เช่น อายที่จะทำสิ่งนั้น เขินที่จะแสดงตัวตน กลัวการแข่งขันกลัวการล้มเหลว และสุดท้ายก็กลายเป็นการไม่กล้าที่จะลงมือทำในสิ่งที่คุณเลือก (คุณอย่าลืมนะครับว่า "นักเตะที่ยิงประตูได้เยอะที่สุดในโลก คือคนที่ยิงประตูเสียเยอะที่สุด เช่นกัน") "อย่ากลัวล้มเหลว" ซึ่งลักษณะการลงมือทำมันขึ้นอยู่กับรูปแบบของโครงการหรือ งาน แผน ที่คุณจะทำเช่นถ้าคุณเป็นนักศึกษาถึงเวลาสอบคุณต้องนั้งอ่านหนังสือหัวยิก แทนที่คุณจะอ่านเป็นปกติทุกวันก็ได้แต่อายหรือไม่มันใจว่าเราจะได้อะไรกับการอ่านหนังสือ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีทั้งคนที่กล้าและไม่กล้า เพราะความสำเร็จมันไม่ได้เกิดกับคนที่ไม่มีความต้องการที่จะสำเร็จ มีคำกล่าวของผู้ประสบความสำเร็จท่านหนึ่งว่า "ถ้าคุณอยากสำเร็จ คุณก็แค่หาทางทำมัน" "ถ้าคุณไม่อยากสำเร็จ คุณก็แค่หาข้อแก้ตัว" ผมว่ามันเป็นเรื่องจริงมากๆ หากเราทราบความต้องการตัวเอง มีเป้าหมายและสามารถเลือกวิธีการให้กับตัวเองได้แล้วละก็มันจะเกิดเป็นความเข้าใจกลายเป็นความเชื่อและขยายกำลังเป็นศรัทธาพาคุณสู่ความสำเร็จได้ในเร็ววัน


ลือกดูสิ 
>>>อยากสำเร็จทำอย่างไร <<<
>>>ทำไมคนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนยิ่งจนลง<<<
>>>อดีต ปัจจุบัน อนาคต คืออะไร<<< 

บทความที่ผมได้กล่าวไปนั้นเป็นบทความที่ผมได้จากการศึกษาและพยายามหาคำตอบให้กับความต้องการของตัวเอง มันใช้ได้ผลกับการเรียน และการใช้ชีวิตจริง ผมจึงอยากจะแบ่งปันกับคุณ ถามว่าผมทำได้สำเร็จแล้วหรอ มันไม่สำคัญหรอกครับ แต่สำคัญตรงที่คุณเห็นอะไรในตัวคุณบ้างหรือยัง แต่ที่ผลเล่ามานั้นผมเอามาใช้ในการเรียนของผมได้ ทำให้ผมเข้าใจการเรียนมากขึ้น เข้าใจอาจารย์เข้าใจเพื่อนมากขึ้น และผมหวังว่าคุณจะนำเหตุผลเหล่านี้ไปใช้ในการทำงาน การทำธุรกิจ การทำไร่ หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันได้หากมีความผิดพลาดประการได้ต้องขออภัยด้วยครับ และขอขอบคุณมาก ที่ได้สละเวลาอันมีค่าของคุณอ่านบทความจนจบ